รู้มั้ย สีทาอาคารมีกี่ประเภท

ปัจจุบันสีทาบ้านของแต่ละยี่ห้อต่างออกแบบคุณสมบัติประเภทของการใช้สีที่หลากหลาย ถ้าเราใช้ผิดประเภทขึ้นมา อาจเกิดปัญหากับผลงานหรือผนังบ้านเราไม่ใช่น้อย ดังนั้นก่อนจะลงมือทาบ้านหรือ D.I.Y. เฟอร์นิเจอร์ อย่างน้อยเราควรศึกษา ประเภทของสีแต่ละชนิดว่ามีคุณสมบัติและเหมาะสมกับงานประเภทไหน วันนี้เราจึงมีประเภทสีมาให้คุณได้ทำความเข้าใจ และศึกษากัน

7 บทเรียนจากความผิดพลาดของการเลือกสีทาบ้าน

1.สีน้ำอะครีลิคหรือสีน้ำพลาสติก ALKYLIC PAINT 

 เป็นสีทาอาคารแบบที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย เหมาะสำหรับทาบนผิวปูน และผิวคอนกรีต เพื่อให้ได้สีที่สวยงาม สีอะคริลิกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สีทาภายนอกและสีทาภายใน

 สีทาภายนอกออกแบบให้โดนแดดและฝนโดยตรง จึงต้องเติมสารพิเศษต่างๆ (Additive) เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการใช้งานที่ดีและยาวนาน จึงมีความทนทานและมีราคาสูงกว่าสีทาภายใน สีทาภายนอกใช้ได้ทั้งภายนอกและภายในบ้าน

 สีทาภายในออกแบบมาเพื่อใช้ภายในอาคารเท่านั้นเพราะไม่ต้องทนแดดทนฝน หากทาภายนอกจะทำให้สีลอกร่อนได้ง่ายแต่สีทาภายในมีข้อดีตรงที่มีกลิ่นและสารเคมีน้อยกว่าสีทาภายนอก

2.สีน้ำมัน SOLVENY-BASED

 เป็นสีที่ใช้น้ำมันหรือทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย (Solvent) มีความแวววาวโดดเด่น แต่มีข้อจำกัดตรงที่ราคาค่อนข้างสูงและแห้งช้า สีน้ำมันค่อนข้างเหมาะสำหรับใช้กับพื้นผิวโลหะหรือไม้ ไม่นิยมใช้กับซีเมนต์หรือคอนกรีต

 

3. สีทาไม้ WOOD PAINT
 สีชนิดนี้ใช้สำหรับทาไม้เพื่อเพิ่มความสวยงาม มีทั้งแบบที่ช่วยขับให้สีของไม้ดูสดและเด่นชัดขึ้น และแบบที่เปลี่ยนสีไม้เป็นสีต่างๆ ได้ตามต้องการ สีทาไม้นี้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายไม่ว่าจะจำเป็นสำหรับบ้านไม้ พื้นไม้ รั้วไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ส่วนจะเลือกสีทาไม้แบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับความชอบของเพื่อนๆ ปัจจุบันสีทาไม้แบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น สีย้อมไม้ เชลแลค หรือใครที่ไม่อยากเปลี่ยนสีไม้แต่อยากให้เนื้อไม้ดูเงางาม หรือภายในให้ได้ระดับที่ต้องการสามารถเลือกใช้แลคเกอร์หรือยูรีเทนได้

 

4. สีกัลวาไนซ์ GALVANIZE PAINT

 เป็นสีที่มีคุณสมบัติและรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ใช้ได้กับเหล็กหลายประเภท ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะทาง่ายไม่ต้องลงสีรองพื้น แห้งเร็วใน 1-2 ชั่วโมง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้การทาสีกัลวาไนซ์นี้ประหยัดกว่าน้ำมันแบบเดิมๆ ทั้งค่าสี ค่าแรง และเวลา และที่สำคัญที่สุดคือ ยังมีความสามารถในการถือครอง เกาะสูงกว่าสีน้ำมันทั่วไป

 

5. สีพ่นอุตสาหกรรม INDUSTRAIL LACQUER

สีพ่นอุตสาหกรรมเนื้อสีจะละเอียดกว่าการพ่นต้องใช้ตัวทำละลายซึ่งมีหลายยี่ห้อ การยึดเกาะของสีจะเป็นชั้นผิวขึ้นอยู่กับจำนวนรอบในการพ่น ส่วนใหญ่จะ 6-8 รอบ เพื่อป้องกันการดุ ดูดอากาศได้ดี ในส่วนของความเงาจะมีส่วนผสมของแลคเกอร์ในตัวอยู่แล้วหรือหากต้องการให้เงามากก็สามารถพ่นแลคเกอร์ทับอีกครั้งได้ เมื่อคราบสกปรกดำหรือดำก็เช็ดออกได้ ข้อเสียคือราคาต่อหน่วยแพงและใช้เวลาในการดำเนินการช้า
สีน้ำอะครีลิค หลับตานึกถึงสีทาบ้านซึ่งตัวทำละลายคือน้ำ ปัจจุบันมีการผลิตอย่างดีที่มีการยึดเกาะแน่น ทาหรือพ่นสองรอบก็เสร็จ
สีเต็มเนื่องจากการพ่นต้องใช้หัวฉีดขนาดใหญ่

 

6. สีทาพื้น EPOXY

สีพื้นอีพ็อกซี่เป็นชื่อของสีประเภทหนึ่งที่ประกอบด้วยอีพอกซีเรซิน ซึ่งเป็นสารประเภทเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) ที่มีส่วนประกอบของเรซินที่ช่วยให้แข็งตัว (Curing agent) เช่น พวกอะมีน (Amine) โพลิเอมีน (Polyamine) โพลิเอไมด์ (Polyamide) เป็นต้น

ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจะทำให้สีพื้น Epoxy เปลี่ยนไป เช่น ความแข็ง ความทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง ผงซักฟอก ตัวทำละลาย และน้ำ อย่างไรก็ตามสีอีพ็อกซี่ไม่ทนต่อแสงอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด และจะเกิดการเสื่อมสภาพเป็นฝุ่น (ชอล์ก) จึงไม่เหมาะที่จะใช้กับงานกลางแจ้งที่โดนแสงแดดหรือความร้อน

พื้น Epoxy เหมาะกับการทาในอาคารปิดและมีความเย็น ไม่ควรทาภายนอกอาคารที่มีความร้อนหรือแดดส่อง

จากคุณสมบัติของสีพื้น Epoxy ผลิตภัณฑ์เคลือบพื้นอีพ็อกซี่ที่มีคุณสมบัติมากมายที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับงานพื้นอุตสาหกรรมต่างๆ โดยมีรูปแบบ รุ่น สี ความหนา คุณสมบัติให้เลือกอย่างหลากหลายและมีคุณสมบัติพิเศษสรุปได้ดังนี้

คุณสมบัติพิเศษที่ได้จากสีพื้นอีพ็อกซี่

– พื้นไร้รอยต่อ ไม่รั่ว ไม่ซึม เงางาม
– ไม่มีการเพาะเชื้อ (GMP&HACCP)
– แข็งแรง ทนทาน และทนต่อสารเคมี
– ไม่ดูดซับน้ำและฝุ่น
- สวยงาม ทำความสะอาดง่าย
– มีหลายสีให้เลือก

7. สีทาหลังคา ROOFPAINT

สีทาหลังคา หรือบางครั้งเรียกว่าสีทากระเบื้องหลังคา เป็นสีอะคริลิกโพลิเมอร์ ที่ผสมกับสารที่ช่วยในการสะท้อนรังสี UV ซึ่งมีหน้าที่ทำให้สีของหลังคาซีดจาง นอกจากนี้ บางรุ่นยังผสมสารที่มีคุณสมบัติป้องกันความร้อนที่เรียกว่าการเคลือบเซรามิกอีกด้วย ประกอบด้วยโมเลกุลเซรามิกกลวงจำนวนมากที่ถูกดูดเพื่อสะท้อนความร้อนออกจากหลังคา ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน

สีทาหลังคามีหลายประเภทให้เลือกตามชนิดของกระเบื้องหลังคา ไม่ว่าจะเป็น สีกระเบื้องลอน, กระเบื้องคอนกรีต หรือแม้แต่กระเบื้องหลังคาเมทัลชีทโดยผู้ผลิตสีเกือบทุกราย ก็จะมีผลิตภัณฑ์สีทาหลังคาให้เราเลือกใช้ นอกจากผู้ผลิตสีแล้ว แม้แต่ผู้ผลิตกระเบื้องเองก็ผลิตสีทาหลังคาเองเพื่อจำหน่ายเช่นกันเพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้ได้ตามต้องการ

ส่วนวิธีการใช้นั้นสามารถทาด้วยแปรงทาสีธรรมดาหรือใช้เครื่องพ่นสีก็ได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน สำหรับขั้นตอนการทาสีหลังคาสามารถศึกษาขั้นตอนและวิธีการทาได้จากบทความ เปลี่ยนหลังคา(ให้เหมือน)ใหม่
แน่นอน การตัดสินใจว่าจะใช้สีผลิตภัณฑ์ใดนั้นขึ้นอยู่กับคุณ แต่สีทาหลังคาที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร? ไปดูกันเลยครับ

สีทาหลังคาต้องมีความยืดหยุ่นดี ทั้งสีรองพื้นและสีจริง เพื่อช่วยป้องกันการรั่วซึมที่อาจเกิดขึ้นจากการหดตัวของวัสดุมุงหลังคา
มีฟิล์มสีที่ค่อนข้างเรียบและมันเงา เพื่อให้ฝุ่นไม่จับบนผิวกระเบื้องง่าย เมื่อฝนตก หลังคาของเราจะดูใหม่อยู่เสมอ
. มีประสิทธิภาพในการสะท้อนรังสียูวีได้ดี ซึ่งรังสียูวีจะทำให้สีหลังคาซีดจาง ควรผสมน้ำยา ป้องกันตะไคร่และเชื้อรา เพื่อป้องกันตะไคร่น้ำและเชื้อราภายในระยะเวลาสั้นๆ
ปราศจากสารปรอท ตะกั่ว หรือโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อคน สัตว์ หรือพืช เก็บน้ำฝนไว้ใช้อย่างอื่นได้
มีเฉดสีให้เลือกตามต้องการ หรือมีเฉดสีใกล้เคียงกับสีเดิมของกระเบื้องมุงหลังคา มีการรับประกันความทนทานอย่างน้อย 5 ปี เพราะแม้ขั้นตอนการทาสีหลังคาจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่การฝึกฝนและเตรียมตัวไปทำงานบนที่สูงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นควรเลือกสีทาหลังคาที่มีความทนทานสูงจะดีกว่า
มีราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ลองเทียบกับราคาและค่าแรงในการเปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาใหม่ ถ้าเห็นว่าแพงกว่าก็เลือกเปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาใหม่ดีกว่า

เมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนสีหลังคา อย่าเลือกแค่สีที่ชอบเพียงอย่างเดียว อย่าลืมศึกษาข้อมูลของสีทาหลังคาเพื่อให้ได้สีทาหลังคาที่มีคุณภาพดีด้วยนะครับ เพื่อไม่ต้องทาสีหลังคาบ่อยนั่นเอง

 

ติดต่อหาเรา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

 : วันที่  24 เมษายน 2566